AI สร้างสรรค์กำลังเปลี่ยนแปลงวงการแฟชั่นด้วยการเปลี่ยนไอเดียง่าย ๆ ให้กลายเป็นแนวคิดดีไซน์ที่โดดเด่น นักออกแบบสามารถป้อนคำสั่งข้อความหรือร่างภาพพื้นฐานเข้าสู่ระบบ AI ซึ่งจะสร้างภาพเสื้อผ้าและลวดลายต้นฉบับได้ทันที
ตัวอย่างเช่น AI สามารถแปลงบอร์ดแรงบันดาลใจหรือคำอธิบายให้กลายเป็นต้นแบบความละเอียดสูง (แม้กระทั่งโมเดล 3 มิติ) ของเสื้อผ้า ช่วยให้แบรนด์สามารถดูตัวอย่างวัสดุและลวดลายได้เสมือนจริงก่อนตัดผ้าจริง
ผู้นำในวงการเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นการปฏิวัติด้านความคิดสร้างสรรค์ – Hillary Taymour ผู้ก่อตั้ง Collina Strada อธิบายว่า AI คือ “เกมเชนเจอร์” ที่ช่วยให้เธอจินตนาการไอเดียเดิม ๆ ในรูปแบบที่ไม่คาดคิด
ตอนนี้เรามาดูกันว่า AI สร้างสรรค์ดีไซน์แฟชั่นสุดพิเศษได้อย่างไร และมีเครื่องมือออกแบบ AI อะไรที่น่าสนใจบ้าง!
AI สร้างสรรค์ในงานออกแบบแฟชั่น
นักวิเคราะห์แฟชั่นชั้นนำรายงานว่า AI สร้างสรรค์ (เทคโนโลยีเบื้องหลังเครื่องมือสร้างภาพอย่าง DALL·E และ Midjourney) อาจเพิ่มมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ให้กับอุตสาหกรรมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เครื่องมือ AI เหล่านี้เปรียบเสมือน “คู่คิดสร้างสรรค์” สำหรับนักออกแบบ ที่นำข้อมูลแฟชั่นจำนวนมหาศาลมาสร้างภาพใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ลวดลายซับซ้อนจนถึงร่างชุดเต็มรูปแบบ
เช่น นักออกแบบอาจพิมพ์คำว่า “ชุดเดรสลายดอกไม้ย้อนยุคพร้อมสีเนออน” แล้ว AI จะสร้างแกลเลอรีดีไซน์ชุดเดรสใหม่ ๆ ที่ตรงตามคำอธิบายนั้น ซึ่งช่วยเร่งกระบวนการคิดไอเดียอย่างมาก แทนที่จะต้องวาดหลายสิบแบบด้วยมือ นักออกแบบสามารถสร้างต้นแบบด้วย AI ได้เป็นร้อยแบบในเวลาไม่กี่นาที
รายงานหนึ่งอธิบายว่า AI สร้างสรรค์สามารถ “แปลงร่างร่างภาพ บอร์ดแรงบันดาลใจ และคำอธิบายให้กลายเป็นดีไซน์ความละเอียดสูง” ซึ่งช่วยเติมเต็มกระบวนการสร้างสรรค์
AI ยังถูกนำมาใช้เพื่อเสริมกระบวนการออกแบบแบบดั้งเดิม แบรนด์หลายแห่งใช้ AI เพื่อจำลองภาพเสื้อผ้าก่อนผลิตจริง เช่น ร้านค้าปลีกอาจใช้โมเดลข้อความเป็นภาพเพื่อดูว่าลวดลายผ้าจะเป็นอย่างไรบนเสื้อแจ็กเก็ต หรือสีจะผสมผสานกันอย่างไรบนชุดเดรส
การสร้างต้นแบบเสมือนนี้ช่วยให้นักออกแบบตัดสินใจเรื่องการตัดเย็บ วัสดุ และสีได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องเสียตัวอย่างจริง ตามรายงานของ Guardian “หลายแบรนด์ใช้ AI เพื่อช่วยกระบวนการออกแบบ โดยสร้างภาพเสื้อผ้าจากคำสั่งพิมพ์... เพื่อช่วยตัดสินใจก่อนผลิตจริง”
สรุปคือ AI สร้างสรรค์ช่วยให้แบรนด์แฟชั่นก้าวจากไอเดียสู่ภาพแนวคิดได้ ในพริบตา เร่งขั้นตอนแรกของการออกแบบอย่างรวดเร็ว
เครื่องมือออกแบบแฟชั่นด้วย AI
แพลตฟอร์มเฉพาะทางที่ใช้ AI เหล่านี้กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้มืออาชีพในวงการแฟชั่นเข้าถึงได้ บางเครื่องมือผสานเข้ากับกระบวนการทำงานของแบรนด์โดยตรง ขณะที่บางเครื่องมือเปิดให้ทุกคนใช้งาน เช่น Cala แอปออกแบบด้วย AI ที่เป็นบริษัทแฟชั่นแห่งแรกที่ได้เข้าถึงโมเดล DALL·E ของ OpenAI ตั้งแต่ช่วงแรก ช่วยให้แบรนด์สร้างภาพเสื้อผ้าสมจริงจากคำสั่งข้อความ และยังปรับแต่ง AI ให้เข้ากับสไตล์เฉพาะของแบรนด์ได้
Vogue Business รายงานว่า Cala มีผู้ใช้ใหม่หลายร้อยคนต่อสัปดาห์ ตั้งแต่แบรนด์ระดับโลกจนถึงนักออกแบบอิสระ และกำลังเพิ่มฟีเจอร์อย่างการดูตัวอย่างเสื้อผ้าบนแบบจำลองที่เหมือนจริง และการปรับแต่ง AI ตามแบรนด์ ในทางปฏิบัติหมายความว่า นักออกแบบสามารถพิมพ์คำอธิบายรองเท้าหรือชุดใหม่ แล้วเห็นภาพสมจริงบนร่างแบบได้ทันที
บริการ AI อื่น ๆ เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ทั่วไปสร้างแฟชั่นเฉพาะตัว เช่น Reebok Impact บอทใน Instagram ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพและใช้ AI สร้างลวดลายรองเท้าสนีกเกอร์เฉพาะตัว แบรนด์ชุดชั้นใน Adore Me เปิดตัวเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วยข้อความ (“AM By You”) ให้ลูกค้าป้อนคำสั่ง เช่น “พระอาทิตย์ตกเหนือมหาสมุทร” เพื่อสร้างลายพิมพ์เฉพาะสำหรับชุดชั้นใน
เครื่องมือ DIY เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า AI ออกแบบแฟชั่นเข้าถึงง่ายเพียงใด คนที่ไม่มีพื้นฐานก็สามารถจินตนาการลวดลายและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าได้ แบรนด์ต่าง ๆ ยังผนวกฟีเจอร์ AI เข้ากับสตูดิโอสร้างสรรค์ เช่น H&M Group วางแผนเพิ่มเครื่องมือสร้างภาพจากข้อความใน Creator Studio เพื่อให้ลูกค้าสามารถออกแบบและสั่งซื้อเสื้อผ้าพร้อมงานศิลป์ AI เฉพาะตัว
โดยรวมแล้ว เครื่องมือแฟชั่น AI กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว แอปและแพลตฟอร์มใหม่ ๆ (บางส่วนเน้นรองเท้าสนีกเกอร์ กระเป๋า หรือแฟชั่น 3D พิมพ์) เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง สัญญาคือเครื่องมือ AI เหล่านี้ สร้างผลงานที่ไม่ซ้ำใครเสมอ – ทุกดีไซน์ที่สร้างขึ้นจึงแตกต่างกัน
ตามคำโฆษณาของเครื่องมือ AI บางตัวว่า “ช่วยนักออกแบบและแบรนด์สร้างดีไซน์แฟชั่นที่โดดเด่นและต้นฉบับ... จากแนวคิดง่าย ๆ” (เปลี่ยนจินตนาการให้เป็นเสื้อผ้าที่ไม่เหมือนใคร) การทำงานร่วมกับ AI เปรียบเสมือนการขยายทีมด้วย “สมุดร่างไม่รู้จบ” ที่ไม่มีวันหมดไอเดีย
กรณีศึกษา: แบรนด์ที่ใช้ AI สร้างคอลเลกชันเฉพาะตัว
แบรนด์และนักออกแบบที่มองการณ์ไกลหลายรายเริ่มใช้ AI เพื่อเปิดตัวคอลเลกชันสุดพิเศษ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือ Collina Strada แบรนด์จากนิวยอร์กที่มีชื่อเสียงเรื่องลวดลายจัดจ้าน ในปี 2023 นักออกแบบ Hillary Taymour ได้นำชุดเดิมของแบรนด์หลายร้อยชุดป้อนเข้าสู่ AI สร้างภาพ Midjourney และทดลองคำสั่งใหม่ ๆ
ผลลัพธ์คือคอลเลกชันรันเวย์ฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2024 ที่มีลวดลายและรูปทรงใหม่ทั้งหมด ร่วมออกแบบกับ AI Taymour กล่าวว่า AI ช่วย “กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ของเธอให้ก้าวไกลขึ้น” และสร้างเอฟเฟกต์โดดเด่น (ลายสก็อตบิดเบี้ยว ลายดาวบิดเบี้ยว และลายดอกไม้สีน้ำ) ที่เธออาจไม่เคยร่างด้วยมือเอง เธอเรียก AI ว่าเป็น “เกมเชนเจอร์” สำหรับกระบวนการออกแบบของเธอ
ที่สำคัญ Collina Strada ผลิตเสื้อผ้าที่ได้แรงบันดาลใจจาก AI เหล่านี้จริงและจำหน่ายเหมือนคอลเลกชันทั่วไป แสดงให้เห็นว่าดีไซน์ที่สร้างด้วย AI สามารถทำการค้าได้เต็มรูปแบบ
อีกกรณีที่น่าสนใจคือ Mmerch สตาร์ทอัพที่ผสมผสานการออกแบบสร้างสรรค์กับการผลิตตามสั่ง ทุกฤดูกาล Mmerch ผลิตฮู้ดดี้จำนวนจำกัดกว่า 1,000 ตัวที่มีดีไซน์ ไม่ซ้ำใคร พวกเขาทำโดยผสมส่วนประกอบฮู้ดดี้ (ฮู้ด แขน กระเป๋า) กับสี ลวดลาย และวัสดุต่าง ๆ พร้อมกำหนดความหายากเหมือนคอลเลกชัน NFT
ฮู้ดดี้แต่ละตัวจึงเป็นของสะสม ลูกค้าซื้อโทเค็นดิจิทัลแบบ “บลายด์” (NFT) แล้วรับฮู้ดดี้จริงที่มีดีไซน์เฉพาะตัวตามโทเค็นนั้น ผู้ก่อตั้ง Colby Mugrabi อธิบายว่าแนวทาง “neo-couture” นี้หมายความว่า ไม่มีชิ้นไหนเหมือนกันเป๊ะ ๆ แต่กระบวนการผลิตสามารถเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากได้
Mmerch เห็นว่าการผลิตแบบไม่ซ้ำกันนี้ไม่เพียงน่าตื่นเต้นสำหรับลูกค้าเท่านั้น แต่ยังยั่งยืนกว่า เพราะผลิตเฉพาะเมื่อมีคำสั่งซื้อจริง จึงหลีกเลี่ยงการผลิตเกินความจำเป็น
งานแฟชั่นที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังสะท้อนเทรนด์นี้ ในงาน AI Fashion Week (2023) ครั้งแรกของนิวยอร์ก ดีไซเนอร์ดิจิทัลหลายสิบคนแข่งขันกันโดยใช้เครื่องมือสร้างสรรค์ AI ผู้ชนะอย่าง Paatiff, Matilde Mariano และ OPE ได้ผลิตและจำหน่ายคอลเลกชันที่สร้างด้วย AI ผ่านร้าน Revolve
งานนี้ (จัดโดย Maison Meta) แสดงให้เห็นว่าเสื้อผ้าที่ออกแบบด้วย AI สามารถก้าวจากอัลกอริทึมสู่ตู้เสื้อผ้าจริงได้ เช่นเดียวกับนักออกแบบใน London Fashion Week และที่อื่น ๆ ที่ทดลองใช้ AI: Innovation Agency ของ London College of Fashion มีนักศึกษาที่เปลี่ยนคำสั่งในสมาร์ทโฟนเป็นภาพเสื้อผ้าได้อย่างรวดเร็ว และแบรนด์ใหญ่ ๆ อย่าง Zara และ H&M ก็กำลังทดสอบ AI เพื่อเร่งรอบการออกแบบ
แนวโน้มและข้อดีสำคัญของการออกแบบแฟชั่นด้วย AI
-
เร่งความคิดสร้างสรรค์: เครื่องมือ AI ช่วยให้นักออกแบบสำรวจไอเดียได้หลายร้อยแบบในเวลาไม่กี่นาที สิ่งที่เคยใช้เวลาหลายสัปดาห์บนกระดาษหรือโปรแกรมออกแบบ ตอนนี้ทำได้ด้วยคำสั่งไม่กี่คำ การระดมสมองแบบนี้ช่วยค้นพบสไตล์และรายละเอียดที่ไม่คาดคิด
ตัวอย่างเช่น AI สร้างชุดสีใหม่ ๆ หรือรูปทรงผ้าพลิ้วไหวที่มนุษย์อาจไม่เคยนึกถึง นักออกแบบยังคงควบคุมเต็มที่ – ผลลัพธ์จาก AI เป็นจุดเริ่มต้นให้ปรับแต่ง – แต่กระบวนการโดยรวมเร็วขึ้นมาก -
ความเป็นส่วนตัวและความพิเศษ: แบรนด์สามารถใช้ AI เพื่อเสนอสินค้าที่ไม่เหมือนใครจริง ๆ นอกจากคอลเลกชันจำกัดอย่างฮู้ดดี้ของ Mmerch หลายบริษัทยังให้ลูกค้าปรับแต่งสินค้าได้ผ่าน AI ดังที่กล่าวไว้ Reebok และ Adore Me ให้ลูกค้าสร้างดีไซน์เฉพาะตัวผ่านภาพหรือคำสั่งข้อความ
หมายความว่าลูกค้าจะได้เสื้อผ้าที่ไม่มีใครเหมือน โดยทั่วไป AI ช่วยให้ผลิต ชิ้นลิมิเต็ดหรือสั่งทำพิเศษ ได้ง่ายขึ้น ตามที่ผู้ก่อตั้ง Mmerch กล่าว ความสามารถในการมอบ “ดีไซน์หนึ่งเดียวในโลก” ให้กับคนจำนวนมากเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน ตอบโจทย์ความต้องการแฟชั่นในยุคนี้ที่เน้นความเป็นตัวเองและความหายาก -
เปิดโอกาสให้ทุกคนออกแบบ: ผู้สังเกตการณ์เห็นว่า AI กำลังลดอุปสรรคในวงการแฟชั่นที่เคยเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะกลุ่ม การออกแบบแฟชั่นแบบดั้งเดิมต้องการการฝึกอบรมเฉพาะทางและเครื่องมือราคาแพง ตอนนี้ใครก็ได้ที่มีคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนสามารถทดลองออกแบบด้วย AI ได้
Matthew Drinkwater จาก London College of Fashion กล่าวว่า AI “เปิดประตูสู่เส้นทางที่ไม่เป็นทางการเข้าสู่อุตสาหกรรมแฟชั่นสำหรับคนที่ก่อนหน้านี้เข้าไม่ได้” ในทางปฏิบัติหมายถึงเสียงที่หลากหลายและไอเดียใหม่ ๆ จะเข้ามาในวงการมากขึ้น แม้แต่แบรนด์ใหญ่ก็ยอมรับการเปลี่ยนแปลงนี้: ตามรายงานของ BoF 73% ของผู้บริหารแฟชั่นมองว่า AI สร้างสรรค์เป็นเรื่องเร่งด่วนสูงสุด แสดงให้เห็นว่าแบรนด์ใหม่และเก่าเห็นศักยภาพของมัน -
ความยั่งยืนและนวัตกรรมโมเดลธุรกิจ: การออกแบบด้วย AI สนับสนุนแนวทางที่ยั่งยืนมากขึ้น เพราะสามารถสร้างดีไซน์ตามคำสั่งจริงได้ บริษัทจึงสามารถเปลี่ยนไปใช้โมเดล ออกแบบ-ขาย-ผลิต แทนการผลิตจำนวนมาก ซึ่งช่วยลดของเสีย รายงานหนึ่งระบุว่าการผลิตชิ้นเดียว (ที่ทำได้ด้วยการปรับแต่ง AI และ NFT) “ช่วยลดของเสียด้วยการจำกัดการผลิตเกินความจำเป็น”
นอกจากนี้ ชิ้นงานที่ไม่ซ้ำใครมักมีมูลค่ามากกว่า เจ้าของมักเก็บรักษาและขายต่อได้ ยืดอายุการใช้งาน ในทางนี้ AI ไม่เพียงแต่กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจแฟชั่นทดลองโมเดลวงจรปิดและผสมผสานดิจิทัลกับของจริง (เช่น รหัส QR หรือการรับรองด้วยบล็อกเชนบนเสื้อผ้า)
มองไปข้างหน้า: AI ในฐานะคู่คิดสร้างสรรค์
เมื่อเครื่องมือ AI มีประสิทธิภาพและใช้งานง่ายขึ้น บทบาทของ AI ในแฟชั่นคาดว่าจะลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเน้นว่า AI เสริม ความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ ไม่ใช่แทนที่ นักออกแบบใช้ภาพที่ AI สร้างเป็นแรงบันดาลใจ ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป
ในอนาคต แบรนด์ชั้นนำจะผสมผสานโมเดล AI กับข้อมูลของตนเอง เช่น ปรับแต่ง AI ด้วยคลังข้อมูลของแบรนด์เพื่อให้ผลลัพธ์ตรงกับสไตล์เฉพาะ เราจะเห็นผู้ช่วย AI ที่ฉลาดขึ้น เข้าใจบริบทแฟชั่น (ผู้ช่วยเสมือนที่แนะนำสีประจำฤดูกาลหรือเช็กข้อมูลเทรนด์)
ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคจะยิ่งต้องการความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ในอนาคตอันใกล้ การออกแบบตู้เสื้อผ้าร่วมกับ AI อาจกลายเป็นเรื่องปกติ – ปรับแต่งข้อเสนอของ AI หรืออัปโหลดลวดลายของตัวเอง
การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มเกิดขึ้นแล้ว ร้านค้าปลีกวางแผนเสนอสินค้าแบบ “ฟิจิทัล” ที่ดีไซน์เดียวกันมีทั้งในรูปแบบ NFT และเสื้อผ้าจริง การเปลี่ยนแปลงพื้นฐานคือ ความพิเศษ กำลังถูกนิยามใหม่: ความพิเศษอาจมาจากการเป็นส่วนหนึ่งของคอลเลกชัน AI จำนวนจำกัด หรือการเป็นเจ้าของเสื้อผ้าดิจิทัลคู่กัน
สรุปได้ว่า เครื่องมือออกแบบที่ขับเคลื่อนด้วย AI กำลังเปิดโอกาสใหม่ ๆ ที่น่าตื่นเต้นในวงการแฟชั่น ด้วยการผสมผสานนวัตกรรมอัลกอริทึมกับศิลปะของมนุษย์ แบรนด์สามารถสร้างสไตล์ใหม่ที่โดดเด่นและคอลเลกชันสุดพิเศษได้อย่างรวดเร็วอย่างไม่เคยมีมาก่อน
ด้วยความต้องการความแปลกใหม่และความเป็นตัวเองที่สูง การผสมผสานระหว่าง AI กับแฟชั่นจะเปลี่ยนแปลงวิธีคิด ผลิต และปรับแต่งเสื้อผ้าในอนาคต