ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่แค่แนวคิดบนกระดาษอีกต่อไป แต่ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน เทคโนโลยี AI มีความสามารถในการ “เรียนรู้” และประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาล ช่วยทำงานอัตโนมัติในงานที่ซับซ้อนหลายอย่าง และปรับแต่งประสบการณ์ผู้ใช้ให้เหมาะสม เช่น AI กำลังปฏิวัติวงการผลิต การขนส่ง และการแพทย์…
บทความนี้ INVIAI จะวิเคราะห์สามแอปพลิเคชันเด่นของ AI ในชีวิตจริง ได้แก่ ระบบอัตโนมัติ ในงาน, การจดจำ อัจฉริยะ และ การทำนาย อนาคต เพื่อให้เราเข้าใจชัดเจนขึ้นว่า AI ช่วยสนับสนุนชีวิตและการทำงานประจำวันอย่างไร
ระบบอัตโนมัติกับ AI
AI สามารถแทนที่มนุษย์ในการทำงานซ้ำ ๆ ที่ใช้เวลานาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตในการทำงาน ตามรายงานของ Smartsheet (Automation in the Workplace) พบว่า 86% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าระบบอัตโนมัติช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพและผลผลิตมากขึ้น ขณะที่ 78% เห็นว่าเทคโนโลยีช่วยให้พวกเขามุ่งเน้นงานที่สร้างสรรค์มากขึ้น ความจริงแล้ว AI ช่วยปลดปล่อยมนุษย์จากงานที่ต้องทำด้วยมือ
ตัวอย่างเช่น ในวงการธนาคาร ฝ่ายสนับสนุนหลังบ้าน (back-office) สามารถประหยัดเวลาการจัดการเอกสารด้วยการป้อนข้อมูลอัตโนมัติด้วย AI ทำให้พนักงานมีเวลามุ่งเน้นดูแลลูกค้าและสร้างสรรค์งานมากขึ้น หลายองค์กรนำ RPA (Robotic Process Automation) และแชทบอทมาใช้เพื่อทำงานอัตโนมัติ ลดข้อผิดพลาดและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
แอปพลิเคชันระบบอัตโนมัติของ AI มีความหลากหลาย เช่น:
- หุ่นยนต์อุตสาหกรรม: ช่วยประกอบรถยนต์ ตรวจสอบคุณภาพสินค้า หรือช่วยงานที่หนักหน่วงแทนมนุษย์
- ผู้ช่วยเสมือนและแชทบอท: ให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ตอบคำถามทั่วไปทันที แชทบอทที่ผสาน AI ยังสามารถจดจำอารมณ์ผู้ใช้เพื่อจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
- รถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ (รถยนต์ไร้คนขับ): ใช้การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์และการเรียนรู้เชิงลึกในการควบคุมยานพาหนะ เคลื่อนที่อัตโนมัติในเลนถนน และหลบหลีกสิ่งกีดขวาง เช่น คนเดินถนน
ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ มนุษย์จึงได้รับการปลดปล่อยจากงานซ้ำซาก ในขณะที่ประสิทธิภาพและความแม่นยำได้รับการพัฒนาอย่างมาก ระบบอัตโนมัติด้วย AI กำลังสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภาคการผลิตและบริการ เปิดโอกาสใหม่ ๆ ในการสร้างสรรค์สำหรับมนุษย์
การจดจำอัจฉริยะกับ AI
AI พัฒนาความสามารถในการจดจำรูปแบบและวิเคราะห์ข้อมูลหลายรูปแบบ ด้วย การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์ (computer vision) AI สามารถเก็บและประมวลผลข้อมูลภาพจากกล้อง เพื่อจดจำวัตถุในภาพ อ่านลายมือ หรือช่วยวินิจฉัยทางการแพทย์ เช่น วิเคราะห์ภาพเอกซเรย์ MRI
ในเวลาเดียวกัน การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ช่วยให้คอมพิวเตอร์เข้าใจและวิเคราะห์ภาษามนุษย์ เช่น กรองอีเมลขยะ วิเคราะห์อารมณ์ในข้อความ แปลภาษาอัตโนมัติ และจดจำเสียงพูด
ด้วยเหตุนี้ สมาร์ทโฟนในปัจจุบันจึงสามารถปลดล็อกด้วย การจดจำใบหน้า และผู้ช่วยเสมือนอย่าง Siri หรือ Google Assistant ก็เข้าใจเสียงพูดของผู้ใช้ ฟีเจอร์เหล่านี้ใช้ AI เพื่อ “มองเห็น” และ “ฟัง” โลกภายนอก ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันอย่างมาก
การทำนายอนาคตด้วย AI
นอกจากนี้ AI ยังถูกนำไปใช้มากในด้าน การทำนาย (Predictive AI) โมเดล AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในอดีตเพื่อทำนายแนวโน้มในอนาคต เช่น ใช้ข้อมูลยอดขายหลายปีเพื่อทำนายยอดขายในไตรมาสถัดไป หรือวิเคราะห์อาการและภาพทางการแพทย์เพื่อทำนายโรค (เช่น การทำนายเนื้องอกมะเร็ง) ความสามารถนี้ช่วยให้บริษัทจับความต้องการตลาด วางแผนการผลิต และบริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ในเกษตรกรรมแม่นยำ AI ช่วยเกษตรกรติดตามฤดูกาลและ ทำนายเวลาการเก็บเกี่ยว ข้อมูลจากเซ็นเซอร์และภาพถ่ายทางอากาศช่วยคำนวณปริมาณฝนและความชื้น เพื่อปรับปรุงตารางการให้น้ำและใส่ปุ๋ยให้เหมาะสม พร้อมกันนี้ อุปกรณ์อัตโนมัติ เช่น รถไถและโดรนไร้คนขับ ใช้ AI ในการหว่านเมล็ดและพ่นสารกำจัดศัตรูพืชอย่างแม่นยำ ช่วยประหยัดทรัพยากรและเพิ่มผลผลิต
แอปพลิเคชัน AI ในลักษณะเดียวกันนี้ยังมีในภาคการเงิน ระบบวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมสามารถ ทำนายการฉ้อโกง และจัดการธุรกรรมที่น่าสงสัยโดยอัตโนมัติ โดยรวมแล้ว AI ในการทำนายถูกนำไปใช้ในหลายสาขา (การเงิน การผลิต บริการ การขนส่ง ฯลฯ) เพื่อยกระดับคุณภาพการตัดสินใจและลดความเสี่ยง
>>> หากท่านสนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ:
ตัวอย่างข้างต้นแสดงให้เห็นว่า AI ในชีวิตจริง ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่กลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมนุษย์ ระบบอัตโนมัติ การจดจำ และการทำนาย — สามความสามารถหลักของ AI — กำลังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับปรุงคุณภาพบริการ และเปิดโอกาสใหม่ ๆ เทคโนโลยี AI มีแนวโน้มจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นำมาซึ่งนวัตกรรมสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมและชีวิตประจำวันต่อไป